Google Spam Updates ครั้งนี้ส่งผลอย่างไรต่อการจัดอันดับ SEO

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางบริษัท Google ได้มีการอัปเดตในส่วนของการตรวจจับสแปมเพื่อให้ผู้ใช้แพลตฟอร์ม Google มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์การค้นหาบน Google นั้นจะไม่เต็มไปด้วยสแปมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จากการค้นหา หลายครั้งที่ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มได้คลิกเข้าไปเจอสแปม ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้มีประสบการณ์การค้นหาที่ไม่ดีและอาจส่งผลให้ผู้ใช้หลายคนตัดสินใจที่จะเลิกใช้แพลตฟอร์มไปในที่สุด

 

YellowPages ในฐานะเพื่อนของธุรกิจก็ได้ไปรวบรวมข้อมูลการเปลี่ยนแปลง และผลกระทบจากการอัปเดตในครั้งนี้มาให้คุณผู้อ่านได้ติดตามอ่านกันบนเว็บไซต์www.yellowpages.com

 

 

มาดูกันว่าหลังจากการอัปเดตของ Google ในครั้งนี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างและมีแนวโน้มจะส่งผลต่อธุรกิจของเราอย่างไร

 

 

จุดประสงค์หลักในการอัปเดตครั้งนี้ของ Google ก็เพื่อที่จะลดปริมาณผลการค้นหาที่เป็นสแปมลง โดยทางบริษัทยังได้มีการอัปเดตการตรวจจับสแปมออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการทดสอบและออกมาเปิดเผยถึงหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบจากการอัปเดตในครั้งนี้ โดยเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เว็บไซต์ข่าว และ เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับกีฬา ตามมาด้วยเว็บไซต์เกี่ยวกับศิลปะความบันเทิง เทคโนโลยี และเว็บไซต์กระดานสนทนา

 

 

SERP-Volatility-Industries-most-affected-by-the-Google-spam-update

 

Credit : https://neilpatel.com/blog/googles-spam-update/

 

เว็บไซต์ส่วนใหญ่เหล่านี้มักเป็นเว็บไซต์ที่เน้นไปที่การสร้างสรรค์เนื้อหาเป็นหลัก และไม่ได้เป็นเว็บไซต์ที่เน้นการขายสินค้าแต่อย่างใด เมื่อสังเกตให้ลึกลงไปอีกจะเห็นได้ว่าเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้มักมีลักษณะต่างๆดังนี้

 

  1. มีเนื้อหาที่บางเบา กล่าวคือเป็นเนื้อหาที่น้ำเยอะ เนื้อไม่ค่อยมี เป็นเนื้อหาที่ไม่สร้างคุณค่า และไม่ก่อให้เกิดการนำไปปฏิบัติใช้จริง หรือไม่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่าได้อีก

  2. การสร้าง Meta Tags ที่ไม่ดี หรือ ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น มี Meta Tags ที่ซ้ำซ้อน หรือการสร้าง Meta Tags มาเพื่อส่งเสริมการค้นหาของ Search Engine โดยเฉพาะ และไม่ได้เอื้อให้กับบุคคลที่เป็นผู้ค้นหาข้อมูลจริงๆบนเว็บไซต์ Google

  3. ใส่คำค้นหาที่มากเกินจำเป็น การใส่คำค้นหาที่มากเกินจำเป็นในเนื้อหา บทความ หรือใน Meta Tags ส่งผลให้ผู้อ่านได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีบนเว็บไซต์

 

สิ่งที่น่าใจสนอีกอย่างหนึ่งจากการทดสอบในครั้งนี้คือ ผลกระทบต่อบทความ หรือ เนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) การทดสอบนี้ได้นำเว็บไซต์ทั้งหมด 100 เว็บไซต์ที่มีบทความ หรือ เนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นจาก AI มาทดสอบโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

 

 

กลุ่มแรกมีทั้งหมด 53 เว็บไซต์ เป็นกลุ่มของเว็บไซต์ที่เนื้อหาบนเว็บถูกสร้างขึ้นจาก AI รวมถึง Meta Tags และ หัวเรื่องที่ถูกเขียนโดย AI ทั้งหมด หน้าเว็บแต่ละหน้าไม่มีการลิงก์ออกไปยังเว็บไซต์อื่นๆทั้งสิ้น โดยทั่วไปแล้ว AI จะไม่สร้างเนื้อหาที่มีคำมากกว่า 500 คำ เว้นเสียแต่ว่าเราจะเป็นคนเข้าไปปรับและแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมเสียเอง ในการทดสอบ 53 เว็บไซต์นี้ จะเป็นเว็บไซต์ที่เนื้อหาและ Meta Tags ต่างๆบนเว็บถูกสร้างขึ้นโดย AI เท่านั้น และไม่มีการใช้มนุษย์เข้ามาปรับแต่งเนื้อหาใดๆเพิ่มเติม

 

 

กลุ่มที่สองมีทั้งหมด 47 เว็บไซต์ โดยเนื้อหาถูกสร้างด้วย AI เช่นกัน แต่ได้มีการนำคนเข้าไปปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่นำเสนอบนเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพมากกว่าเดิมและสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านอย่างแท้จริง นอกจากนี้คนที่เข้าไปปรับปรุงเนื้อหายังได้มีการใส่ลิงก์ทั้งภายในเว็บ และลิงก์ไปยังนอกเว็บ ทั้งยังปรับปรุง Meta Tags ให้สะดวกต่อผู้ใช้งานในเว็บไซต์มากขึ้น มีการใส่ภาพและวิดีโอให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์ด้วย แม้จะให้คนเข้ามาปรับเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์แต่จะไม่ให้มีการใส่ข้อมูลที่เกินกว่าเดิมมากนัก เพราะต้องการที่จะจำลองและสังเกตวิธีการที่เหล่านักการตลาดใช้ พวกเขามักให้ AI สร้างเนื้อหาขึ้นมาและเข้าไปปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การทดลองจึงถูกออกแบบให้เหมือนกับที่นักการตลาดทำ เพื่อให้เข้าใจว่าการอัปเดตครั้งนี้ ทาง Google ต้องการที่จะแก้ไขอะไรกันแน่

 

 

Traffic-Ranking-Change-AI-generated-content-and-the-Google-spam-update-1

 

Credit : https://neilpatel.com/blog/googles-spam-update/

 

ผลก็คือเว็บไซต์ที่เนื้อหาถูกสร้างโดย AI เพียงอย่างเดียวและไม่ได้มีการให้บุคคลเข้ามาแก้ไขจะมีผลตอบรับที่ไม่ค่อยดี และอันดับการค้นหาก็ต่ำลงไป เมื่อเทียบกับเว็บไซต์ที่ใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาและให้บุคคลเข้ามาปรับเปลี่ยนเนื้อหามีแนวโน้มที่จะได้ผลตอบรับที่ดีกว่าจากการจัดอันดับของ Google

 

 

แม้ว่าการอัปเดตในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเนื้อหาบนเว็บไซต์ Meta tags และ การใส่คำค้นหาที่มากเกินจำเป็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Google จะไม่สนใจในประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้ อาทิ ลิงก์ หรือ บทความและเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน เพียงแต่เราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนใน 3 ประเด็นหลักข้างต้นที่ได้กล่าวไป รวมถึงการนำ AI เข้ามาใช้ในการสร้างเนื้อหา

 

 

ดังนั้นหากต้องการผลตอบรับที่ดีในการทำ SEO ในระยะยาว เราควรจะที่ใส่ใจผู้ใช้งานเป็นหลัก เพียงลองถามตัวเองดูว่าเนื้อหา หรือ บทความที่เราเขียนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ไหม? การใช้ Meta Tags ซ้ำกันทุกหน้ามีประโยชน์อย่างไร? เว็บไซต์ของเรามีคุณค่ามากพอที่คนอื่นจะอยากลิงก์มาที่เราไหม? ทั้งหมดที่กล่าวมาโดยสรุปคือ เพียงเราใส่ใจที่จะตรวจดูเว็บไซต์ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และผลิตเนื้อหาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานก็เพียงพอแล้ว

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและบทความดีๆจาก

 

Google’s Spam Update Just Completed: Here’s What Happened (neilpatel.com)

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารน่าสนใจที่เกี่ยวกับธุรกิจได้ที่

 

บทความแนะนำ | ไทยแลนด์ เยลโล่เพจเจส (yellowpages.co.th)

YellowPages เพื่อนแท้คู่ธุรกิจไทย

บทความแนะนำ

ถ้าหากแบ่งธุรกิจในปัจจุบันตามกลุ่มลูกค้าที่พบได้โดยทั่วไป ก็จะสามารถแบ่งได้สองแบบ นั้นคือธุรกิจ B2C หรือ Business to

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางบริษัท Google ได้มีการอัปเดตในส่วนของการตรวจจับสแปมเพื่อให้ผู้ใช้แพลตฟอร์ม Google มั่นใจ

การทำธุรกิจออนไลน์มีหลายช่องทาง แต่จะให้ดูเป็นมืออาชีพที่สุด ต้องเป็นการทำเว็บไซต์ และแน่นอนว่าต้องมีปัญหาเรื่องผู้เข

สมุดหน้าเหลือง หรือ เยลโล่เพจเจส (YellowPages) เป็นคำที่หลายประเทศทั่วโลกใช้เรียกสมุดโทรศัพท์ประเภทไดเร็คทอรี่ส์ที่ถื

คำว่า “SEO” นั้น ย่อมาจาก “Search Engine Optimization” หมายถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นหน้าแรกในการค้นหาของ Se