คำว่า “SEO” นั้น ย่อมาจาก “Search Engine Optimization” หมายถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นหน้าแรกในการค้นหาของ Search Engine (เช่น Google, Bing และ Yahoo เป็นต้น)
ซึ่งการปรับแต่งเว็บไซต์นั้นก็จะต้องปรับให้ตรงกับเกณฑ์การให้คะแนนของ Search Engine ยิ่งมีคะแนนดีมากเท่าไหร่ เว็บไซต์นั้นก็จะขึ้นเป็นอันดับแรกๆ ในการค้นหาของ Search Engine ทำให้มีโอกาสที่จะมีคนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้นเท่านั้น การเขียน SEO ที่ดี ถือเป็นหนึ่งตัวช่วยในการทำคะแนนกับ Search Engine
การเขียน SEO ที่ดี สำคัญอย่างไรกับธุรกิจออนไลน์ ?
ลองจินตนาการดูว่าเรากำลังเปิดร้านขายของที่มีสินค้าหลากหลายชนิด อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ พร้อมทั้งราคาที่เกินคุ้ม แต่ร้านของเรากลับตั้งอยู่บนยอดเขาที่เป็นป่าทึบ ห่างจากผู้คนไปสิบโยชน์ แถมยังไม่มีถนนอีกต่างหาก แน่นอนว่านั่งรอไปร้อยวันพันปีก็คงไม่มีลูกค้ามาซื้อของที่ร้านเราอย่างแน่นอน
การเขียน SEO เปรียบเสมือนการเปิดป่าและตัดถนนตรงมาสู่หน้าร้านของเรา ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตสามารถพบเจอและแวะเวียนมาซื้อสินค้าจากร้านเราได้ กล่าวคือ เราเขียน SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ในการค้นหาของ Search Engine นั้น จะทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเห็น และเข้าสู่เว็บของเราได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าในเว็บ อีกทั้งยังช่วยลดค่าโฆษณาที่เราจะต้องลงในแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย
คำถามคือ เราจะเขียน SEO ที่ดีได้อย่างไร เพื่อให้เว็บของเราขึ้นอันดับแรกๆ ใน Search Engine โดยบทความนี้จะกล่าวถึงหลักการเขียน SEO เพื่อทำคะแนนกับ Search Engine ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอย่าง Google นั่นเอง
4 หัวใจหลัก ในการเขียน SEO
กับการเขียน SEO นั้นเราจำเป็นจะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยหลักนั่นคือ การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย, เลือกใช้ Keyword, คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ
ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายกับเนื้อหาที่จะเขียน
แม้ว่าเราจะเป็นนักเขียนที่สบัดปลายปากกาได้แพรวพราวราวกับเทวดามาเกิด แต่หมึกปากกาที่เราลงไปในหนังสือเล่มนั้น ไม่ได้ตรงกับความสนใจของใครเลย หนังสือเล่มนั้นก็จะกลายเป็นเพียงหนังสือที่ วางอยู่บนชั้นหนังสือต่อไป ไม่ได้ถูกใครหยิบมาเปิดอ่าน
การเขียนบทความโดยไม่ได้คำนึงว่ากลุ่มเป้าหมายสนใจบทความแบบไหนก็เปรียบเสมือนการเขียนหนังสือในแบบที่กล่าวไป ดังนั้นแล้วสิ่งแรกที่เราควรจะทำในการเขียน SEO คือการวิเคราะห์ว่า กลุ่มเป้าหมายของเราน่าจะสนใจเนื้อหาหรือคอนเทนต์แบบไหน โดยมีแนวทางในการหาความสนใจของกลุ่มเป้าหมายด้วยกัน 2 แนวทาง คือ การวิเคราะห์จากโซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์จากลุ่มเป้าหมายโดยตรง
การวิเคราะห์จากโซเชียลมีเดีย ในเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้โดยการเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีคนพูดคุยเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น Pantip, Reddit, Facebook, Line Group เป็นต้น
ส่วนการวิเคราะห์จากกลุ่มเป้าหมายโดยตรง หรือที่เรียกว่า Customer Personas คือการนำปัญหา และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมาวิเคราะห์ ว่าเขาน่าจะอยากได้อะไร สนใจเรื่องอะไร แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาเขียนคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
Keyword ป้ายบอกทางสู่เว็บไซต์
Keyword หรือ คำสำคัญ คือคำหรือวลีที่เราต้องการที่จะให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาเว็บไซต์ของเรา ด้วยคำนั้นๆ หากว่าเราเลือก Keyword ได้แม่นยำและตรงกับที่กลุ่มเป้าหมายเราค้นหาใน Google ก็จะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายพบเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนเป็นป้ายตัวโตๆ ที่บอก Google และ กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่า นี่คือเว็บไซต์ที่พวกเขากำลังตามหา
แนวทางในการเลือก Keyword นั้น ในลำดับแรก z ให้ลองมองจากสองฝั่ง ในฝั่งแรกคือฝั่งของเราว่าบทความที่เราเขียนนั้นเป็นบทความเกี่ยวกับอะไร เราต้องการจะนำเสนออะไร ในขณะที่อีกฝั่งนึงก็ต้องคาดเดาให้ได้ว่าคนที่จะกดเข้ามาอ่านนั้นจะค้นหาบทความของเราด้วย Keyword อะไร
ในขณะเดียวกัน Keyword ของเราก็ไม่ควรจะกว้างจนเกินไป เพราะหาก Keyword กว้างเกินไปจะทำให้หน้าเว็บเราไปรวมอยู่กับหน้าเว็บอื่นๆ ที่มี Keyword เหมือนกับเรา เช่น หากร้านเราขายเก้าอี้ แล้วเราเขียนหัวข้อว่า ‘ขายเก้าอี้’ เมื่อค้นหาใน Google ก็จะพบว่ามีเว็บไซต์อีกหลายร้อยเว็บไซต์ที่ขาย เก้าอี้เหมือนเรา สิ่งที่เราควรจะทำคือการเพิ่มคำที่มีความเกี่ยวข้อง คือ Keyword ร่วม หรือ Related Keyword เข้าไปด้านหลัง ตัวอย่างเช่น คำที่มีความเกี่ยวข้องกับเก้าอี้ คือ เก้าอี้ไม้ เก้าอีออฟฟิศ เก้าอี้นวม เป็นต้น
เมื่อได้ Keyword แล้ว เราก็ควรจะนำ Keyword เหล่านั้นมาใช้ในการเขียน หัวเรื่อง และเนื้อหาที่อยู่ในบทความเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเจอเว็บไซต์ของเราได้ เมื่อค้นหาใน Googleในบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นจะต้อง
บทความคุณภาพ : ทางลัดเพียงหนึ่งเดียวใน SEO
หากเราเขียนหนังสือในหัวข้อที่กลุ่มเป้าหมายสนใจจะอ่าน มีหน้าปกที่มีชื่อเรื่องตัวโตๆ ให้พบเห็นง่าย แถมยังมีป้ายบอกทางตั้งแต่หน้าร้านหนังสือชี้มาที่หนังสือเราอีก สิ่งสำคัญมากๆ สิ่งหนึ่งที่เราควรจะทำ คือการเขียนเนื้อหาในหนังสือให้มีคุณภาพ มีประโยชน์ และครอบคลุมแต่ละเรื่องมากพอ เพราะหากหนังสือเราดูดีมากๆ แต่เนื้อในหนังสือไม่มีอะไรเลย ก็ไม่มีเหตุผลที่คนจะหยิบหนังสือเราขึ้นมาอ่าน
การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะให้กลุ่มเป้าหมายของเราเข้ากดมาใน เว็บไซต์ของเรา อีกทั้งยังทำให้ Google ชอบและให้คะแนนหน้าเว็บของเราเพิ่มอีกด้วย
คำถามต่อมา คือ คอนเทนต์แบบไหนที่เรียกว่าเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ในส่วนนี้จึงจะกล่าวถึงลักษณะที่สำคัญของคอนเทนต์ที่มีคุณภาพในมุมมองของ Google ซึ่งมีด้วยกันหลักๆ สี่ประการด้วยกัน
เรื่องแรก คือ ความยาวของคอนเทนต์ ไม่ควรสั้นจนเกินไป เพราะถ้าหากสั้นเกินไป Google จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคอนเทนต์ของเรานั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไร โดยความยาวแนะนำจะอยู่ที่ 1,000 - 2,000 คำ ซึ่งเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ ใน Google ก็จะมีความยาวของคอนเทนต์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 คำ
เมื่อคอนเทนต์ของเรามีความยาวที่มากเพียงพอแล้ว ลักษณะที่สองที่ควรจะพิจารณาคือ ในคอนเทนต์ของเรามีเนื้อหาที่ครอบคลุมกับเรื่องที่เขียน การเขียนคอนเทนต์ที่ครอบคลุม Keyword ในเรื่องที่เรากำลังเขียนจะช่วยให้เว็บของเรามีโอกาสติดอันดับในการค้นหาของ Google ได้
สิ่งที่สาม คือ ความสดใหม่ของคอนเทนต์ ควรมีความเป็นต้นฉบับ ไม่ลอกของคนอื่นมาลงบนหน้าเว็บเรา หาคัดลอกแล้ววางคอนเทนต์ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ Google จะสามารถตรวจจับได้และจะมองว่า คอนเทนต์ของเรานั้นไม่มีคุณภาพนั่นเอง
สุดท้าย เราควรใส่สื่ออื่นๆ ที่นอกจากตัวหนังสือเข้าไปในคอนเทนต์ของเราด้วย เช่น รูปภาพ วิดีโอต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรา ทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้เวลาในหน้าเว็บเรานานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับของเว็บเราใน Google ด้วย
ตรวจสอบและอัพเดทเสมอ
สิ่งที่สำคัญมากๆ อย่างหนึ่งเมื่อเราทำ SEO เสร็จแล้วคือการหมั่นตรวจเว็บไซต์และอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ เพราะ Keyword บางคำจะมีการเปลี่ยนลำดับอยู่เสมอเมื่อเวลาผ่านไป เราควรจะตรวจสอบลำดับของ Keyword และเว็บไซต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
สรุปรวมการเขียน SEO
โดยสรุปแล้ว การทำ SEO นั้นคือการปรับเว็บไซต์ของเราให้ตรงกับความชอบของ Google ด้วยการใช้ Keyword ที่ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ รวมไปถึงการเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพบนหน้าเว็บ ซึ่งถึงแม้ว่าคอนเทนต์ของหน้าเว็บก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการเขียน SEO แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ เวลาในการอยู่ในหน้าเว็บของผู้ใช้งาน และโครงสร้างของเว็บไซต์
ที่มา :
Keyword คืออะไร สูตรการหา Keyword เพื่อทำ SEO
SEO (Search Engine Optimization) คือ?
7 Step-by-Step เขียนบทความ SEO ให้ติดหน้าแรกบน Google แบบไม่เสียเงิน
SEO คืออะไร? ทำไมเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ถึงต้องรู้!
